เมนู

ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น
5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติปาราชิก เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย.
พัทธจักร สัพพมูลกนัย จบ
จักรเปยยาลแห่งวัตถุนิสสารกะ จบ
วัตถุกามวารกถา จบ

ปัจจยปฏิสังยุตวารกถา เปยยาล 15 หมวด


ปัจจัยตตวจนวาร 5 หมวด


[239] 1. ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน
ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง
ซึ่งปฐมฌาน ด้วยอาการ 3 อย่าง . . .4 อย่าง . . .5 อย่าง . . .6 อย่าง . . .
7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าว
เท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น 5 อำพราง
ความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ
ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว
เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งทุติยฌาน...
ตติยฌาน . . . จตุตถฌาน . . . สุญญตวิโมกข์ . . .อนิมิตตวิโมกข์ ...อัปปณิหิต-
วิโมกข์ . . .สุญญตสมาธิ . . . อนิมิตตสมาธิ . . .อัปปณิหิตสมาธิ . . . สุญญตสมาบัติ
. . . อนิมิตตสมาบัติ . . . อัปปณิหิตสมาบัติ . . .วิชชา 3 .. .สติปัฎฐาน 4 . . .
สัมมัปปธาน 4 . . . อิทธิบาท 4 . . . อินทรีย์ 5 . . .พละ 5 . . . โพชฌงค์ 7. . .

อริยมรรคมีองค์ 8 . . . โสดาปัตติผล . . . สกทาคามิผล . . . อนาคามิผล . . .
อรหัตผล ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . .5 อย่าง . . .6 อย่าง . . .
7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ
3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น 5 อำพราง
ความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ
ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน ราคะ ภิกษุนั้น
สละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว . . .
โทสะ ภิกษุนั้นสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว
ถอนแล้ว . . . โมหะ ภิกษุนั้นสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว
เพิกแล้ว ถอนแล้ว ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง
. . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ
3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 8 อำพรางความเห็น 5 อำพรางความ
ถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน จิตของภิกษุนั้น
เปิดจากราคะ. . .จิตของภิกษุนั้น เปิดจากโทสะ. . . จิตของภิกษุนั้นเปิดจากโมหะ
ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง . . . 7 อย่าง คือ
1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้น
กล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น 5 อำพรางความถูกใจ
6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติ
ถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.

ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว
เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌานใน
สุญญาคาร . . . ซึ่งทุติยฌานในสุญญาคาร . . . ซึ่งตติยฌานในสุญญาคาร . . . ซึ่ง
จตุตถฌานในสุญญาคาร . . . ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . .5 อย่าง
. . . 6 อย่าง . . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว
ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น
5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
[280] 2. ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดนุ่งห่มจีวรของท่าน
ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง
ซึ่งปฐมฌานในสุญญาคาร ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง
. . . 6 อย่าง . . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว
ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น
5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดนุ่งห่มจีวรของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว
เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งทุติยฌาน. . .
ตติยฌาน. ..จตุตถฌาน... สุญญตวิโมกข์ . . . อนิมิตตวิโมกข์ ... อัปปณิหิต-
วิโมกข์ . . . สุญญตสมาธิ ... อนิมิตตสมาธิ ... อัปปณิหิตสมาธิ .. สุญญต-
สมาบัติ . . .อนิมิตตสมาบัติ . . .อัปปณิหิตตสมาบัติ. . .วิชชา 3 .. สติปัฏฐาน
4 . . . สัมมัปปธาน 4. . .อิทธิบาท 4 . . . อินทรีย์ 5 . . . พละ 5 . . .โพชฌงค์
7 . . . อริยมรรคมีองค์ 8 . . . โสดาปัตติผล . . . สกทาคามิผล . . . อนาคามิผล

. . . อรหัตผล ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง
. . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่า
กล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น
5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดนุ่งห่มจีวรของท่าน ราคะ ภิกษุนั้น
สละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว . . .
โทสะ ภิกษุนั้นสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว
ถอนแล้ว . . .โมหะ ภิกษุนั้นสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว
เพิกแล้ว ถอนแล้ว ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง
. . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่า
กล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น
5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดนุ่งห่มจีวรของท่าน จิตของภิกษุนั้น
เปิดจากราคะ. . . จิตของภิกษุนั้นเปิดจากโทสะ . . . จิตของภิกษุนั้นเปิดจากโมหะ
ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง . . . 7 อย่าง คือ
1 เบื้องต้นเธอรู่ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้น
กล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น 5 อำพรางความถูก จ
6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติ
ถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดนุ่งห่มจีวรของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว
เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌานใน

สุญญาคาร . . . ซึ่งทุติยฌานในสุญญาคาร . . . ซึ่งตติยฌานในสุญญาคาร . . . ซึ่ง
จตุตถฌานในสุญญาคาร ด้วยอาการ 3 อย่าง . . .4 อย่าง . . . 5 อย่าง
. . . 6 อย่าง . . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว
ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น
5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
3. ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดบริโภคบิณฑบาตของท่าน ภิกษุ
นั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำไห้แจ้ง ซึ่ง
ปฐมฌาน ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง . . . 7
อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ
3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น 5 อำพราง
ความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ
ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดบริโภคบิณฑบาตของท่าน ภิกษุนั้น
เข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่ง
ทุติยฌาน. . .ตติยฌาน. . .จตุตถฌาน. . . สุญญตวิโมกข์. . . อนิมิตตวิโมกข์. . .
อัปปณิหิตวิโมกข์. . .สุญญตสมาธิ . . . อนิมิตตสมาธิ . . . อัปปณิหิตสมาธิ . . .
สุญญตสมาบัติ . . . อนิมิตตสมาบัติ . . . อปัปณิหิตสมาบัติ . . .วิชชา 3 . . . สติ-
ปัฏฐาน 4 . . . สัมมัปปธาน 5 . . . อิทธิบาท 4. . . อินทรีย์. . . 5 พละ 5. . .
โพชฌงค์ 7 . . . อริยมรรคมีองค์ 8 . . . โสดาปัตติผล . . . สกทาคามิผล . . .
อนาคามิผล . . . อรหัตผล ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง
. . . 6 อย่าง . . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว

ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น
5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดบริโภคบิณฑบาตของท่าน ราคะ ภิกษุ
นั้นสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว . . .
โทสะ ภิกษุนั้นสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว
ถอนแล้ว . . . โมหะ ภิกษุนั้นสละแล้ว ตายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว
เพิกแล้ว ถอนแล้ว ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง
. . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าว
เท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 8 อำพรางความเห็น 5 อำพราง
ความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ
ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดบริโภคบิณฑบาตของท่าน จิตของ
ภิกษุนั้นเปิดจากราคะ . . . จิตของภิกษุนั้นเปิดจากโทสะ . . . จิตของภิกษุนั้นเปิด
จากโมหะ ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง . . . 7
อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ
3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น 5 อำพรางความ
ถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดบริโภคบิณฑบาตของท่าน ภิกษุนั้น
เข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน
ในสุญญาคาร . . .ซึ่งทุติยฌานในสุญญาคาร . . . ซึ่งตติยฌานในสุญญาคาร . . .

ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง
. . .6 อย่าง . . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว
ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น
5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
4. ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดใช้สอยเสนาสนะของท่าน ภิกษุ
นั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่ง
ปฐมฌาน ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง
. . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่า
กล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น
5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดใช้สอยเสนาสนะของ ท่าน ภิกษุนั้น
เข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้งซึ่งทุติยฌาน
. . . ตติยฌาน. . . จตุตุถฌาน. . . สุญญตวิโมกข์. . . อนิมิตตวิโมกข์. . .อัปปณิ-
หิตวิโมกข์. . . สุญญตสมาธิ . . . อนิมิตตสมาธิ . . . อัปปณิหิตสมาธิ สุญญต-
สมาบัติ . . .อนิมิตตสมาบัติ . . . อัปปณิหิตสมาบัติ . . . วิชชา 3. . . สติปัฏฐาน 4
. . . สัมมัปปธาน 4. . . อิทธิบาท 4 . . . อินทรีย์ 5 . . . พละ 5. . .โพชฌงค์ 7
. . . อริยมรรคมีองค์ 8 . . . โสดาปัตติผล . . . สกทาคามิผล . . . อนาคามิผล . . .
อรหัตผล ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง
. . . 7 อย่า คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่า
กล่าวเท็จ 3 ครั้น กล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น

5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดใช้สอยเสนาสนะของท่าน ราคะ ภิกษุ
นั้นสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว . . .
โทสะ ภิกษุนั้นสละแล้ว ตายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว
ถอนแล้ว . . . โมหะ ภิกษุนั้นสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว
เพิกแล้ว ถอนแล้ว ด้วยอาการ 3 อย่าง . . .4 อย่าง . . .5 อย่าง . . .6 อย่าง
. . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าว
เท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว อำ พรางความเห็น 5 อำพราง
ความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ
ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดใช้สอยเสนาสนะของท่านเ จิตของ
ภิกษุนั้นเปิดจากราคะ . . . จิตของภิกษุนั้นเปิดจากโทสะ . . . จิตของภิกษุนั้น
เปิดจากโมหะ ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง
. . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าว
เท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น 5 อำพราง
ความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ
ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดใช้สอยเสนาสนะของท่าน ภิกษุนั้น
เข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน
ในสุญญาคาร . . . ซึ่งทุติยฌานในสุญญาคาร . . . ซึ่งตติยฌานในสุญญาคาร. . .
ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . อย่าง . . .5 อย่าง . . .

6 อย่าง . . .7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว
ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น
5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
5. ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดบริโภคเครื่องยาอันเป็นปัจจัยของ
ภิกษุไข้ของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ
ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . .5 อย่าง . . .
6 อย่าง . . .7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว
ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น
5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดบริโภคเครื่องยาอันเป็นปัจจัยของภิกษุ
ไข้ของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ
ทำให้แจ้ง ซึ่งทุติยฌาน . . . ตติยฌาน . . . จตุตถฌาน . . . สุญญตวิโมกข์
อนิมิตตวิโมกข์ . . . อัปปณิหิตวิโมกข์ . . . สุญญตสมาธิ . . . อนิมิตตสมาธิ . . .
อัปปณิหิตสมาธิ . . . สุญญตสมาบัติ . . . อนิมิตตสมาบัติ. . . อัปปณิหิตสมาบัติ
. . . วิชชา 3 . . . สติปัฏฐาน 4 . . . สัมมัปปธาน 4 . . . อิทธิบาท . . .
อินทรีย์ 5. . . พละ 5 . . . โพชฌงค์ 7. . . อริยมรรคมีองค์ 8. . .โสดาปัตติผล. . .
สกทาคามิผล อนาคามิผล . . . อรหัตผล ด้วยอาการ 3 อย่าง . . .4 อย่าง. . .
5 อย่าง . . . 6 อย่าง. . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลัง
กล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพราง
ความเห็น 5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความ
จริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.

ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดบริโภคเครื่องยาอันเป็นปัจจัยของภิกษุ
ไข้ของท่าน ราคะ ภิกษุนั้นสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว
เพิกแล้ว. ถอนแล้ว . . . โทสะ ภิกษุนั้นสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว
สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว . . . โมหะ ภิกษุนั้นสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว
ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว ด้วยอาการ 3 อย่าง . . . 4 อย่าง . . .
5 อย่าง . . . 6 อย่าง . . . 7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้น เธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ
2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว
4 อำพรางความเห็น 5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ
7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ
ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดบริโภคเครื่องยาอันเป็นปัจจัยของภิกษุ
ไข้ของท่าน จิตของภิกษุนั้นเปิดจากราคะ . . .จิตองภิกษุนั้นเปิดจากโทสะ
จิตของภิกษุนั้นเปิดจากโมหะ ด้วยอาการ 3 อย่าง . . .4 อย่าง . . .5 อย่าง
. . . 6 อย่าง . . .7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว
ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น
5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อ
คนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ภิกษุใดบริโภคเครื่องยาอันเป็นปัจจัยของภิกษุ
ไข้ของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ
ทำให้แจ้งซึ่งปฐมฌานในสุญญาคาร. . . ซึ่งทุติยฌานในสุญญาคาร. . .ซึ่งตติย-
ฌานในสุญญาคาร . . . ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร ด้วยอาการ 3 อย่าง . . .
4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . . 6 อย่าง . . .7 อย่าง คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าว

เท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้นกล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว
4 อำพรางความเห็น 5 อำพรางความถูกใจ 6 อำพรางความชอบใจ
7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ
ต้องอาบัติทุกกฏ.
ปัจจัตตวจนวาร จบ

กรณวจนวาร 5 หมวด


1. ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า วิหารของท่านอันภิกษุใดอาศัยแล้ว ภิกษุ
นั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้งซึ่งปฐม-
ฌาน ด้วยอาการ 3 อย่าง . . .4 อย่าง . . . 5 อย่าง . . .6 อย่าง . . . 7 อย่าง
คือ 1 เบื้องต้นเธอรู้ว่า จักกล่าวเท็จ 2 กำลังกล่าว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จ 3 ครั้น
กล่าวแล้ว ก็รู้ว่ากล่าวเท็จแล้ว 4 อำพรางความเห็น 5 อำพรางความถูกใจ
6 อำพรางความชอบใจ 7 อำพรางความจริง เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้องอาบัติ
ถุลลัจจัย เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า วิหารของท่านอันภิกษุใดอาศัยแล้ว ภิกษุนั้น
เข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งทุติยฌาน
. . . ตติยฌาน . . . จตุตถฌาน. . .สุญญตวิโมกข์. . .อนิมิตตวิโมกข์. . .อัปปณิหิต-
วิโมกข์ . . . สุญญสมาธิ . . .อนิมิตตสมาธิ . . . อัปปณิหิตสมาธิ . . . สุญญต-
สมาบัติ. . . อนิมิตตสมาบัติ . . . อัปปณิหิคสมาบัติ . . . วิชชา 3 . . . สติปัฏ-
ฐาน 4 . . . สัมมัปปธาน 4 . . . อิทธิบาท 4 . . . อินทรีย์ 5 . . . พละ 5
โพชฌงค์ 7 . . . อริยมรรคมีองค์ 8 . . . โสดาปัตติผล . . . สกทาคามิผล . . .
อนาคามิผล . . . อรหัตผล ด้วยอาการ 3 อย่าง . . .4 อย่าง . . .5 อย่าง